วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

พิมพ์ง่ายๆ ได้ด้วยเสียงเราเอง

การพิมพ์ด้วยเสียง

ฟังก์ชั่นใหม่ๆ นอกเหนือจากการใช้มือพิมพ์แล้ว 
เรายังสามารถใช้การพิมพ์ด้วยเสียง 
สามารถทำให้การพิมพ์ใน Smart Phone สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น


1. ขอยกตัวอย่างแป้นพิมพ์ของมือถือ Samsung สำหรับมือถือรุ่นอื่นๆอาจจะไม่เหมือน แต่ไม่ต่างกันมากนัก จะมีลักษณะแบบนี้


2. การเปลี่ยนภาษา ให้แตะที่แป้นวรรค ค้างไว้ แล้วเลื่อนสลับภาษา จากภาษาไทย เป็นภาษาอังกฤษได้

3. สำหรับการพูดด้วยเสียง ก่อนอื่นให้หาสัญลักษณ์รูปไมโครโฟน จะมีลัญลักษณ์นี้อยู่ 2 ที่

(ถ้าหาไม่เจอ แสดงว่าเรายังไม่ตั้งค่าให้สามารถพิมพ์ด้วยเสียงได้ ให้ตั้งค่าในมือถือของเรา ไปที่ภาษา และติ้กเพิ่ม google พิมพ์ด้วยเสียง)

ที่ติดกับช่องพิมพ์ ไว้สำหรับอัดเสียง ส่งข้อความเป็นเสียง 
แต่ปุ่มพิมพ์ด้วยเสียงเป็นสัญลักษณ์เดียวกัน แต่อยู่ในแป้นพิมพ์
สำหรับแป้นพิมพ์ Samsung จะซ่อนอยู่ในรูปหน้ายิ้ม 


ตัวอย่างแป้นพิมพ์มือถือยี่ห้ออื่นๆ


4.เมื่อแตะรูปหน้ายิ้ม จะมีสัญลักษณ์ไมโครโฟนขึ้นมา แตะที่ไมโครโฟนนั้น

5. โปรแกรมพูดด้วยเสียง จะเด้งขึ้นมา เราสามารถพูดได้เลย มือถือจะพิมพ์เป็นคำพูดเราโดยอัตโนมัติ

6. หน้าจอของโปรแกรมพิมพ์ด้วยเสียง จะมีปุ่มต่างๆ เช่น 
ปุ่มแตะเพื่อหยุดชั่วคราว กดเมื่อต้องการพักการพิมพ์ด้วยเสียง
ปุ่มลบคำผิด เผื่อเราพูดแล้วระบบพิมพ์ให้เราผิดไป สามารถกดลบได้(มีการคลาดเคลื่อนบ้าง)
ปุ่มสลับภาษา เพื่อการตั้งค่าภาษาที่เราต้องการให้พิมพ์



 7.  ขั้นตอนการตั้งค่าภาษา เช่น เราพูดเป็นภาษาไทย หรือ อังกฤษ แล้วให้ระบบพิมพ์ภาษานั้นๆได้
แตะที่ปุ่มสลับภาษา
เลือกช่อง Language (ภาษา)



8. ติ้กถูกหลังภาษาที่ต้องการใช้ เลือกได้หลายภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย หากจะให้ภาษาใดเป็นภาษาหลัก ก็กดที่ภาษานั้นค้างไว้สักครู่

เพียงขั้นตอนง่ายเท่านี้ เราก็จะสามารถพิมพ์ด้วยเสียงได้แล้วและอย่าลืมเรียนรู้แล้วพิมพ์ข้อความดีๆ เข้าสู่โลก Social Network ให้มากที่สุดเลยนะคะ

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2559

การแชร์ข้อมูลใน Timeline

การแชร์ข้อมูล เช่น การแชร์จากเพจ ข่าวบุญใจสว่าง ใน Timeline ของเรา

1. เข้าไปในเพจข่าวบุญในสว่าง และกดที่เครื่องหมายรูปบ้าน เพื่อดูข่าวสารต่างๆที่ทางเพจส่งมาให้

 2. จะพบข่าวสารต่างๆ ด้านบนขจะเป็นข่าวที่เพิ่งส่งใหม่ เมื่อเลื่อนดูด้านล่างก็จะพบข่าวอื่นๆ ที่ส่งมาก่อนหน้า
 3. หากต้องการแชร์ข่าวสารใด กดที่ปุ่มแชร์สีเทา ที่อยู่ด้านล่างข่าวสารบทความนั้น

 4. จะเด้งให้เราเลือกว่า จะ Share on Timeline (แชร์ที่ไทม์ไลน์) หรือ To Chat (ที่แชท) 

แตกต่างกันที่ แชร์ที่ Timeline เราไม่เจาะจงให้ใครอ่าน คือใครเปิดผ่านมา ก็สามารถอ่านข้อมูลข่าวสารที่เราโพสต์ได้  ส่วนแชร์ To Chat เราเจาะจงว่าต้องการให้คนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอ่าน


 5. หากเลือกแชร์ที่ Timeline ให้สังเกตว่าเป็นเครื่องหมายลูกโลก หรือยัง เพราะเครื่องหมายลูกโลกคือการแชร์สาธารณะ ไปได้ไกลกว่า ถึงสายตาหลายคนมากกว่า แล้วกดเครื่องหมายถูก เพื่อส่งข้อความ

6. ถ้ายังไม่เปลี่ยน กดเครื่องหมายในช่อง แล้วติ้กที่เครื่องหมายลูกโลก 

 7. ข้อมูลข่าวสารที่แชร์จะปรากฏในหน้า Timeline ของเรา ให้คนที่เปิดมา สามารถมาเปิดอ่านได้

8. หากเราต้องการเลือกแชร์ To Chat ก็กด และเลือกคนหรือกลุ่มที่อยากส่งข้อความให้ แล้วกด OK (ตกลง)

 9. บทความที่เราแชร์ จะไปปรากฏในช่องสนทนาของเพื่อน ให้เขาได้คลิ๊กเข้ามาอ่านอย่างง่ายดาย


การใช้ Timeline (ไทม์ไลน์)

Timeline (ไทม์ไลน์) คอลัมภ์ที่ 3 ของ Line 
เป็นการแชร์เรื่องราว ข้อมูลต่างๆให้คนอื่นมาเห็น และ Comment(คอมเม้นต์) โต้ตอบกันได้มีลักษณะคล้าย Facebook(เฟสบุ๊ก) วิธีการใช้ คือ

1. แตะที่ช่อง What's new? หรือที่เครื่องหมายปากกามุมบนขวา



 2. จะปรากฏหน้าจอที่ให้เราเขียน Timeline ได้

3. ให้เราพิมพ์ข้อความ, แปะสติ๊กเกอร์ หรืออัพโหลดรูปภาพและคลิปวิดีโอ ฯลฯ ได้ เมื่อเสร็จแล้วให้แตะปุ่ม Done ที่มุมขวาบน


 4. ข้อความหรือเนื้อหาที่เราโพสต์จะปรากฏบน Timeline ของเราทันที


5. หากแตะที่ปุ่ม Like ใต้โพสต์ (ของเราหรือของเพื่อนคนอื่น ๆ ก็ได้) จะมีรูปหน้าตัวการ์ตูนแบบต่าง ๆ ให้เลือก

เมื่อเลือกแล้วหน้าดังกล่าวจะปรากฏใต้โพสต์นั้น ๆ (เหมือนกับการกด Like บนเฟซบุ๊ก แต่มีการเลือกรูปหน้าเข้ามาด้วยนั่นเอง)





7. หากแตะปุ่ม Comment ก็จะสามารถพิมพ์ข้อความเพื่อคอมเม้นท์โพสต์นั้น ๆ ได้ รวมทั้งสามารถคอมเม้นท์ด้วยสติ๊กเกอร์ก็ได้เช่นกัน




8. ข้อความก็จะปรากฏที่โพสต์นั้น ๆ ทันที


9. Timeline ของเราจะขึ้นหน้าตาแบบนี้  

10. หากเราต้องการแก้ไขหรือลบ Timeline ที่เราโพสต์เอง ก็สามารถทำได้ โดยแตะที่รูป จุดสามจุด ที่อยู่มุมบนขวา แล้วเลือก Edit(แก้ไข)หรือ Delete(ลบ) ข้อความได้ 

11. สังเกตปุ่มสี่เหลี่ยมสีเทา ด้านล่างโพสต์ของเรา คือ ช่อง Share(แชร์) ที่สามารถแชร์โพสต์นี้ไว้ใน Timeline หรือแชร์ให้เพื่อนดูต่อไปได้อีก 


12. ถ้าเราแตะ จะขึ้นว่า Share on Timeline (แชร์ที่ไทม์ไลน์) หรือ To Chat (แชร์ที่แชท)







สามารถติดตามอ่านต่อได้ที่ การแชร์ข้อมูลใน Timeline

การเพิ่มเพื่อนใน Line



 1. กดไปที่ คอลัมภ์ที่ 4 คอลัมภ์อื่นๆ หรือ More



2. กดสัญลักษณ์รูป เพิ่มเพื่อน หรือ Add friends



3. การเพิ่มเพื่อนมีด้วยกันหลายแบบ เช่น แบบ ID/โทรศัพท์ หรือแบบคิวอาร์โค้ด แต่จะขอแนะนำ ที่เรียกว่า การสแกนคิวอาร์โค้ด

กดคิวอาร์โค้ด หรือ QR Code 



4. เปิดคิวอาร์โค้ดในเครื่องของเพื่อน แล้วสแกนให้อยู่ในกรอบ ถ้าสแกนได้ จะขึ้นชื่อและรูปของเพื่อน ให้เรากดเพิ่ม(Add) เท่านี้ก็สามารถเพิ่มเพื่อนได้

5. แต่ถ้าต้องการเปิดคิวอาร์โค้ดของเราให้เพื่อนสแกน ให้กดที่มุมล่างขวาของหน้าจอ ที่คำว่าคิวอาร์โค้ดของฉัน(My QR Code) 





แบบฝึกหัด 

ลองเพิ่มเพื่อนโดยการสแกนคิวอาร์โค้ดของ ข่าวบุญใจสว่าง หรือถ้าสแกนไม่ได้ ลองใช้การเพิ่มเพื่อนโดยใช้ ID โดยกดที่ ID และพิมพ์ข้อความ @jaisawang และกดเพิ่ม 

(เพจข่าวบุญใจสว่าง เป็นเพจอัตโนมัติที่คอยแจ้งข่าวสาร ข่าวบุญ และชี้แจงความจริงเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาทั้งหลาย จะคอยส่งข่าวมาตลอดต่อเนื่อง เป็นข่าวจริงข่าวดี สมควรให้โลกได้รู้)









วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ระบบ Line ขั้นพื้นฐาน

Line(ไลน์) เป็นช่องทางการสื่อสาร ที่นิยมใช้ที่สุด โดยคนไทยกว่า 50 ล้านคน ใช้ Line ในการติดต่อสื่อสาร 

แต่รู้หรือไม่ว่า 

Line สามารถทำได้มากกว่า การพิมพ์รับส่งข้อความเท่านั้น

มาศึกษาข้อมูลพื้นฐาน เพื่อการใช้ Line อย่างมีประสิทธิภาพ และสนุกในการส่งต่อข้อมูลเพื่องานพระพุทธศาสนากันเถอะ

ในหน้าของ Line มีทั้งหมด 4 คอลัมภ์ด้วยกันคือ 

1. คอลัมภ์ เพื่อนของเรา หรือ Friends จะมีข้อมูล
- รายชื่อบุคคลที่เป็นเพื่อนกับเรา( Friends) 
- กลุ่มที่กำลังเชิญเรา (Invite)
- กลุ่มที่เราเป็นสมาชิกอยู่ (Group)
- รายการเพื่อนที่ชื่นชอบ (Favorite)
หากจะคุยกับใคร ก็สามารถกดเลือกที่เพื่อนคนนั้น และกดคำว่า Chat(แชท) ได้เลย



2. คอลัมภ์ ประวัติการสนทนา หรือ Chat(แชท)
เป็นประวัติการพูดคุยที่เราเคยได้รับ-ส่งข้อความกับเพื่อน 



3. คอลัมภ์ ไทม์ไลน์ หรือ Timeline
จะมี 2 ส่วนด้วยกัน ด้านบนจะเป็นช่องประชาสัมพันธ์ข่าวของระบบ Line มี 3 ข่าว และเปลี่ยนไปเรื่อยๆอัตโนมัติ

ส่วนข้างล่างเป็น Timeline ของเรา เหมือนระบบของ Facebook(เฟสบุ๊ค) คือ ใครโพสต์อะไร ก็จะสามารถแชร์ให้คนอื่นเห็นได้มากกว่าที่เราคุยในช่อง Chat ส่วนตัวของเพื่อน 

 4. คอลัมภ์ อื่นๆ หรือ More 
มีหลากหลายหมวดประกอบกันในคอลัมภ์นี้ เช่น
- ตั้งค่า หรือ Setting 
- เพิ่มเพื่อน หรือ Add friend
- Sticker Shop หรือ ร้านค้าสติ๊กเกอร์ 
ฯลฯ

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Apps ที่ต้องมีในโทรศัพท์ของเรา

เมื่อเรามี Smart Phone และสัญญาณอินเตอร์เน็ตแล้ว สิ่งต่อไปที่ควรมีในโทรศัพท์ของเรา คือ Application(แอฟฟลิเคชั่น) หรือเรียกสั้นๆว่า Apps(แอ๊ปส์) แต่ละเครื่องจะมีสัญลักษณ์ รูปถุง ที่เรียกว่า Google Play Store เป็นแหล่งให้ดาวน์โหลด Apps มากมาย





เราสามารถโหลด Apps ต่างๆได้ โดยการกดเข้าไปที่ Google Play Store นี้ และดาวน์โหลด Apps ด้วยวิธีการดังนี้
1. พิมพ์ ชื่อ App ที่รู้จักที่ช่องว่าง
2. รูป Icon(ไอคอน) ของ App จะเด้งขึ้นมา ให้กดที่ App นั้นๆ
3. กด Install และรอการติดตั้ง 
4. เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว Icon จะปรากฏที่หน้ามือถือของเรา สามารถกดใช้งานได้ทันที




Apps ที่ควรมีในเครื่อง เช่น



วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ท่องโลกออนไลน์ให้ปลอดภัย มีอะไรต้องรู้

คำแนะนำเพื่อการออนไลน์อย่างปลอดภัย 
เพื่อใจใส ไร้ปัญหาตามมา

1. ระมัดระวังเรื่องการให้ข้อมูลส่วนตัวทางอินเตอร์เน็ต ทั้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ รหัสผ่าน ATM เลขบัญชี หมายเลขบัตรเครดิตต่างๆ อาจมีมิจฉาชีพออนไลน์ปลอมแปลงเป็นตัวเราได้

2. ระมัดระวังเพื่อนในโลกออนไลน์ เพราะถ้าเป็นคนที่เราไม่รู้จัก เขาอาจเป็นใครก็ได้ ระวังการตีสนิทและหาผลประโยชน์จากเราภายหลัง

3. ไม่เปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวมากเกินไป เช่น ข้อมูลส่วนตัว รูปต่างๆ เพราะอาจถูกนำไปส่งตัดต่อได้

4. ข้อมูลในโลกออนไลน์มีทั้งจริงและไม่จริงปะปนกันไป ควรใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล อย่าเชื่อแล้วแชร์ทันที ไม่งั้นส่งข้อมูลเท็จ อาจจะส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของเรา หรือผิดกฏหมายได้

และการแนะนำในการชี้แจงความจริงทางพระพุทธศาสนาในโลกอินเทอร์เน็ต


1. ใช้วาจาที่สุภาพ ตามหลักพระพุทธศาสนา ไม่ว่าร้ายใคร ใช้คำสุภาพ อ่อนน้อม สร้างสรรค์ ตามแบบอย่างของครูบาอาจารย์ของเรา เพราะเรามาชี้แจงความจริงให้ชาวโลกเข้าใจ ไม่ได้มาชวนคนทะเลาะเพิ่ม 

2. สามารถใช้ธรรมะ ที่เราได้เรียนรู้มาประกอบการชี้แจงได้ 





3. ระวังอารมณ์ในการชี้แจงความจริงของเราให้ดี อย่าได้เผลอว่าร้าย ไปบิดเบือนข้อมูลของใคร ตัดต่อรูปของเขา ใส่ข้อความที่เขาไม่ได้พูด เพราะคือการหมิ่นประมาท ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์


4. การนำรูป หรือข้อความของคนอื่นมาใช้ ถ้าไม่ได้ใช้ในทางการค้า สามารถใช้ได้ แต่ควรบอกแหล่งที่มา หรือเจ้าของข้อมูลนั้นๆด้วย ไม่เช่นนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ผิดพรบ.ลิขสิทธิ์ อีกเช่นกัน







ข้อมูลต่างๆที่ได้รับ อาจจะทำให้คนที่เริ่มเล่นอินเทอร์เน็ตกังวลว่า กลัวผิดกฏหมายต่างๆ ทำให้ไม่กล้าที่จะชี้แจงความจริงใดๆ

 "อย่าได้กังวล" 

เพราะถ้าเรายึดหลักทางพระพุทธศาสนา ชี้แจงสิ่งที่เป็นความจริง ด้วยคำพูดที่สุภาพอ่อนโยนเสมอ นอกจากจะไม่ผิดกฏหมายแล้ว ยังจะสามารถปลูกฝังสัมมาทิฐิให้คนที่ได้มาอ่านข้อความของเรา ให้คนเห็นผิด กลับมาเห็นในสิ่งที่ถูก 10 ปีผ่านไป ข้อความดีๆก็ยังอยู่ และบุญบารมีของเรา ก็จะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นอีกด้วย

แต่

สำหรับใครที่ไม่สามารถชี้แจงในโลกออนไลน์ได้ ก็ไม่เป็นปัญหา เราสามารถใช้ "ปาก" ของเรา และธรรมะดีๆ สิ่งดีๆที่เรารู้ เราเห็น เราสัมผัสได้เองของวัดพระธรรมกายแห่งนี้ ให้คนในโลกแห่งความจริง ได้รู้เรื่องราวดีๆ เหมือนกับเราได้เช่นกัน